ต้นทุนที่เกิดขึ้น หากเราตรวจรับบ้าน แล้วเกิดเปลี่ยนใจ เท่าไรกันนะ

บ่อยครั้งที่ผู้ตรวจของเราพบว่า หลังจากที่ลูกค้าอ่านรายงานการตรวจหรือ ระหว่างการตรวจนั้น ลูกค้าได้ไปดูบ้านมาอีกหลายโครงการ ทำให้เกิดความลังเล ซึ่งหากเปลี่ยนใจและตัดสินใจยกเลิกการจอง แล้วไม่ได้รับเงินคืนก็คงน่าเสียดายใช่ใหมครับ ไหนจะค่าตรวจ ค่าเสียเวลา จากประสบการณ์ที่เจอเจ้าของบ้านหลายท่าน ขอแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้ครับ

1. มีเวลา ไม่ได้เน้นทำเลหรือโซนไหนเป็นพิเศษ ระดับราคาสามารถจ่ายได้กว้าง และทำงานอิสระ แบบนี้ท่านได้เลือกได้มีเวลาดูหลายโครงการ ส่วนการต่อรองเรื่องการคืนเงินดาวน์ เป็นเรื่องที่ท่านต้องเจอ เพราะก่อนตรวจรับบ้าน โครงการจะให้ดาวน์ก่อนครับ แนะนำให้ดูหลายๆ ที่ก่อนจนพอใจ แล้วจึงค่อยดาวน์นะครับ (การตรวจ Defect บ้านโดยส่วนมากไม่ได้เป็นสาเหตุให้ยกเลิกการจอง)

 
2. หากท่านไม่มีเวลา ทำงานแล้วไม่อยากเดินทางไกล สะดวกโซนนี้ ทำเลนี้ ท่านอาจจะเทียบได้น้อย ข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมีส่วนช่วยอย่างมาก แต่อย่าลืมว่า…ราคาบ้าน ภาษี ค่านิติที่ต้องจ่ายทุกปี และค่าเดินทางจากบ้านมาที่ทำงานนั้น คือต้นทุนแน่นอนที่ท่านต้องรับ อย่าเสียดายเงินจอง จนไม่กล้าตัดสินใจ
 

3. ท่านซื้อเพื่อลงทุน กรณี ท่านศึกษามาเป็นอย่างดี บ้านหัวมุม คือคำตอบ ขายต่อได้ง่าย และมูลค่าเพิ่มสูง บางท่านซื้อคอนโด อย่าได้ลังเลที่จะซื้อชั้นล่างที่ถูกที่สุด เพราะขายต่อง่ายราคาต่อตารางเมตรต่ำ ให้เช่ายังคุ้มเลย กลุ่มนักลงทุกท่านมักเลือกอย่างชาญฉลาดและมีทักษะเจรจาต่อรองสูงเนื่องจากมีประสบการณ์ 
 

4. เจ้าของบ้านประเภทสุดท้ายที่ผมเจอ คือ มัดจำไปจำนวนมากไม่มีแผนยกเลิกการจอง และไม่ได้ไปดูเปรียบเทียบที่ไหนอีก ก็มีเยอะครับ ต้องเรียนว่าการตัดสินใจสุดท้ายคือการตัดสินใจของผู้ซื้อ ซื้อแล้วก็ซื้อเลยครับ

หากปัจจุบันท่านกำลังตัดสินใจ ก็ลองดูครับ ไม่ว่าบ้านแบบใด ตัดสินใจเลือกแล้ว องค์ประกอบอื่นๆ นอกจากตัวบ้าน ล้วนสำคัญไม่แพ้กันที่ทำให้บ้านน่าอยู่ขึ้นครับ

สรุปคือ ต้นทุนค่าเสียโอกาสของเงินจอง เมื่อเทียบการประสิทธิภาพของสินทรัพย์ (บ้าน คอนโด) เปรียบเทียบเป็นเงินได้ยากครับ ค่าเสียโอกาสนั้นอาจมีผลมากกว่าเงินจองเสียอีกนะครับ

ขอบคุณภาพ: www.pexels.com